บทที่ 9 8

ปราปต์ไม่กลับมาที่บ้านของอารยาอีกเลย แน่นอนว่า

เธอเสียใจแต่มันก็ต้องเป็นแบบนี้...เขามีเจ้าของ ที่สำคัญไม่ได้รักกัน เธอควรเอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แบบนั้น แม้เจ็บปวดแค่ไหนแต่ชีวิตต้องเดินต่อไปถึงจะทนไม่ไหวยามที่เห็นปราปต์คอยตามเอาใจฟ้างามก็ตาม

“งามเหนื่อยไหมครับ ทานน้ำหวานเย็นชื่นใจหน่อยนะครับ”

วันนี้เป็นวันที่ครูเกือบทั้งโรงเรียนจะต้องมาช่วยกันจัดสถานที่เพราะคืนพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงส่งท้ายรองผู้อำนวยการคนใหม่ แต่ปราปต์ไม่รู้มาทำไม เขาไม่มีงานมีการทำหรืออย่างไร แถมทุกครั้งที่เอาใจฟ้างามก็แกล้งพูดดัง ๆ ดึงความสนใจของทุกคนโดยเฉพาะอารยา

“ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณปราปต์”

ฟ้างามรับแก้วน้ำหวานอย่างเขินอาย

“หูยดูสิ เหงื่อออกเต็มเลย เดี๋ยวปราปต์เช็ดให้นะครับ”

เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้แฟนสาว สร้างรอยยิ้มให้ครูที่อยู่รอบ ๆ บ้างก็เขินจนบิดตัวกันเลยทีเดียว

ส่วนอารยากลับน้ำตาซึมเพราะผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นผืนที่เธอเคยให้เขาตอนเรียนปีสอง อีกทั้งภาพนั้นบาดตาบาดใจจนต้องรีบเดินหลบไปอยู่อีกมุม

ประกายแก้วก็มองปราปต์อย่างเคือง ๆ แล้วก็สะบัดหน้าเดินตามเพื่อนไป โดยส่วนตัวแล้วหล่อนไม่ชอบฟ้างามสักเท่าไหร่ ดูเป็นผู้ดีเกินไปจนน่าหมั่นไส้ ไหนจะเรื่องที่จู่ ๆ ยอมเป็นแฟนกับปราปต์ทั้งที่ปฏิเสธมานานเกือบสิบปี

คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นเพราะความพยายามของปราปต์ แต่เธอคิดว่ามีอะไรมากกว่านั้น

ปราปต์เองก็เผลอมองตามอารยาแล้วยิ้มพึงพอใจจนตัวเองซับหน้าให้ฟ้างามสะเปะสะปะ หญิงสาวถึงกับต้องรั้งมือ

เขาไว้ และพอรู้ว่าเขาตั้งใจทำมันเพราะอะไร

“หน้างามแห้งพอแล้วค่ะ”

“ขอโทษครับงาม ปราปต์นี่แย่จริง”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอไม่ได้โกรธเขาเลย ยังคงฝืนยิ้มอย่างเขินอายทั้งที่แต่ในหัวใจรู้สึกหวาดระแวงจนคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว

งานเลี้ยงส่งท้ายรองผู้อำนวยการคืนนี้เป็นงานเลี้ยง

โต๊ะจีนที่เกิด จากการลงขันของครูและผู้ปกครองนักเรียน เนื่องจากตลอดวาระท่านรองคนนี้ได้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม นำพาชื่อเสียงให้โรงเรียนตั้งมากมาย แขกที่มาร่วมงานจึงมีทั้งครูโรงเรียนเดียวกัน ครูต่างโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียนรวมไปถึงคนรู้จักของท่านรอง

ปราปต์เองก็ด้วย...

การปรากฏตัวของเขาดึงความสนใจของทุกคนในงานด้วยตุ๊กตาหมีตัวใหญ่และดอกกุหลาบช่อโต แต่ทั้งสองอย่างไม่ได้มีไว้สำหรับท่านรอง เขาตั้งใจมอบให้คนที่เขาจับจอง

อารยากลั้นน้ำตาไม่ไหวตอนที่ปราปต์มอบมันให้ฟ้างาม อีกทั้งนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันด้วย ความเจ็บปวดของเธอมันจุกอกไปหมดเช่นเดียวกับน้ำตาที่ทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือน

“สุขสันต์วันครบรอบสองเดือนของเราครับงาม”

“คุณปราปต์อะ งามเขินนะคะ”

ฟ้างามที่วันนี้งามยิ่งกว่านางฟ้าอายม้วนต้วน เสียงฮือฮาอย่างปลาบปลื้มของคนทั้งงานยิ่งทำให้เธอเขินหนักไปอีก

คงจะมีแต่อารยาที่ไม่ได้ยินดี ยิ่งตอนนี้ปราปต์คุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงของเขา ดึงมือเจ้าหล่อนไปจุมพิต คนไม่มีสิทธิ์คิดหรือหวังอะไรอย่างเธอก็คล้ายกำลังจะหยุดหายใจ ราวกับมีใครควักหัวใจเธอออกมาแต่ยังไม่ปล่อยให้เธอสิ้นใจ

“อ้อนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะกาย”

ลุกออกจากโต๊ะไปเพราะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ปราปต์ช่างไม่เห็นใจกันเลย จะมีบ้างไหมที่เขาจะเว้นระยะทำใจให้กันบ้าง ใช่จะมาซ้ำเติมด้วยการกระทำหยามหัวใจแบบนี้

ตอนนั้นเธอลุกออกไปโดยไม่ได้สนใจว่ามีใครมองด้วยความเป็นห่วงบ้าง ส่วนปราปต์นั้นพอใจเหลือเกินที่ได้กลั่นแกล้งเจ้าหล่อนแบบนี้

เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่อารยาต้องแอบมาร้องไห้เพราะ

ผู้ชายใจร้ายคนนั้น ร่างเล็กร้องไห้น้ำตาไหลพรากขณะซุกตัวอยู่ตรงมุมห้องพักครูซึ่งเวลานี้ใช้เป็นสถานที่เก็บจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับงานเลี้ยง หัวใจของเธอมันกำลังจะขาดรอน ๆ พร้อมกับเกิดคำถามซ้ำ ๆ ว่าทำไมผู้หญิงที่ปราปต์แคร์ไม่ใช่เธอ

ทำไมคนที่เขาต้องการถึงไม่ใช่เธอ

และทำไม...เขาถึงมองไม่เห็นค่าของหัวใจดวงนี้ที่มันเป็นของเขาหมดทั้งดวง

อารยาพยายามบอกตัวเองให้ตัดใจอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้ามันทำได้ง่ายคงไม่ต้องร้องไห้เสียใจอยู่แบบนี้...เมื่อไหร่หนอหัวใจไม่รักดีจะลบผู้ชายคนนี้ออกไปได้เสียที

“ครูอ้อนมาอยู่ตรงนี้นี่เอง”

เสียงหวานคุ้นหูของใครบางคนที่ดังมาจากด้านหลังทำให้อารยารีบเช็ดน้ำตาจนหมดจดก่อนจะหันไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“มีอะไรจ๊ะงาม”

ฟ้างามยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่งดงามสมชื่อเหลือเกิน

“เห็นครูกายตามหาอยู่น่ะค่ะ งามเลยช่วยตามหา”

“อ๋อ พอดีครูเข้ามาเอาของในนี้น่ะ ขอบใจงามมากนะที่มาบอก”

“งามนึกว่าแอบมาร้องไห้เพราะน้อยใจคุณปราปต์

เสียอีก”

คำพูดที่ของฟ้างามทำให้อารยาชะงัก ที่ผ่านมาสงสัยว่าอีกฝ่ายจะระแคะระคายเรื่องของเธอกับปราปต์หรือเปล่า ตอนนี้เธอเลิกสงสัยแล้ว

“งามไม่รู้เรื่องของครูอ้อนกับคุณปราปต์มากเท่าไหร่หรอกนะคะ แต่งามอยากจะขอให้ครูอ้อนเลิกคิดอะไรกับคุณปราปต์ได้แล้วเพราะคุณปราปต์เป็นแฟนของงามแล้วนะคะ”

ขณะที่พูดฟ้างามก็ยังยิ้มให้ราวกับไม่ได้โกรธเคืองอะไร จนคนฟังสัมผัสได้ถึงความเลือดเย็นของหล่อน

“งามไม่อยากให้คนอื่นมองครูอ้อนไม่ดีเพราะคุณปราปต์เขาก็เลือกงามไม่ใช่ครู”

อารยาหน้าชาไปเหมือนกันที่โดนแบบนี้ เจ็บเหมือนถูกตบหน้าด้วยฝ่าเท้าเสียอีก แต่ทั้งหมดที่ฟ้างามพูดออกมาก็เป็นความจริง

ปราปต์ไม่ได้เลือกเธอ...

“ครูพยายามอยู่จ้ะ งามน่าจะรู้...งามให้เวลาครูนะ”

“งามหวังว่าจะไม่นานเกินไปนะคะ เพราะท้องงามก็โตขึ้นทุกวันเหมือนกัน”

“อะไรนะ ?”

อึ้งไปอีกเมื่อได้ฟังแบบนี้ อารยาไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดหรือฟ้างามต้องการจะสื่อแบบนี้จริง ๆ

“งาม...งามท้อง ?”

“ค่ะ”

ฟ้างามเชิดหน้ายอมรับอย่างหนักแน่น แต่คำพูดที่ตามมาอีกนี่สิที่ทำให้อารยาเข่าอ่อน

“งามท้องกับคุณปราปต์”

ท้องกับปราปต์...

ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหัว ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นไปหมดจนแทบไม่มีแรงยืน หากไม่เกาะขอบเก้าอี้เอาไว้ป่านนี้เธอคงล้มลงกับพื้นไปแล้ว

“หวังว่าครูจะเห็นใจงามนะคะ”

ฟ้างามเดินจากไปแล้ว แต่อารยาก้าวต่อไปไม่ไหวจริง ๆ หญิงสาวทรุดตัวลงแล้วปล่อยเสียงร้องไห้อย่างคนที่สิ้นหวัง ปราปต์กับฟ้างามกำลังจะมีลูกด้วยกัน ทั้งสองคนกำลังจะเริ่มต้นครอบครัวที่มีครบทั้งพ่อ แม่ ลูก เธอจะทนเห็นภาพสุขสันต์ของพวกเขาได้อย่างไรโดยที่หัวใจไม่ปวดร้าว

...จะทนได้อย่างไรกับการที่จะต้องเห็นคนที่รักมีความสุขโดยไม่มีเธออยู่ในชีวิต

ไม่มีใครทนได้หรอก...

อนิรุจตามหาอารยาเหมือนกัน เขาดีใจมากที่หญิงสาว

โทร. หาบอกว่าต้องการคุยด้วยเป็นการส่วนตัว รู้ดีว่าตอนนี้เธอคงไม่อยากเข้าไปในงานเพราะปราปต์ยังไม่กลับ

“ผมเป็นห่วงครูอ้อนแทบแย่”

เขามาหาอารยาที่โรงรถ ดูท่าทางเธอคงจะกลับบ้านเลยหลังจากคุยธุระเสร็จ เขาสะท้อนใจที่เห็นใบหน้างามหมดจดของอารยาเปื้อนด้วยน้ำตา

ดวงตาคู่นั้นที่เขาชื่นชมหนักหนาเวลานี้บวมเป่งเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เห็นแล้วอยากจะหักคอไอ้คนที่ทำให้ความสวยนี้ต้องหม่นหมอง

หากความงดงามของฟ้างามเปรียบดั่งพระจันทร์ อารยาก็คือดวงดาวที่สุกสกาวเฉิดฉายเทียบได้เสมอกัน แต่ไอ้บ้านั่นกลับไม่เห็นค่าเลยสักนิด

“ผมไม่สบายใจเลยที่ครูเป็นแบบนี้ ผมเสียใจที่ช่วยอะไรครูไม่ได้”

“เป็นเพราะใจอ้อนเองที่ยังรักเขาอยู่ ผอ. ไม่ผิดอะไรเลยนะคะ”

“ถ้าผมเป็นเขา ผมจะไม่มีวันทำให้ครูต้องเสียน้ำตา”

แต่อารยาไม่ยอมให้เขาได้เป็นคนนั้น เขายังจำวันที่ตัวเองสารภาพรักกับเธอได้ดี หญิงสาวบอกว่าคิดกับเขาแค่พี่ เขาก็แมนพอที่จะเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอ เพราะได้แค่นี้ก็สุขใจเหลือเกินแล้ว

“ช่างเถอะค่ะ อ้อนไม่อยากคิดถึงมันอีกแล้ว”

มือน้อยเช็ดน้ำตาที่รินไหล

อนิรุจอยากทำให้แทบขาดใจ แต่เขาก็ต้องห้ามใจตัวเองเหมือนกัน เขาก็เจ็บอย่างที่อารยาเจ็บอยู่ตอนนี้

“ถ้างั้นเรามาพูดธุระสำคัญของครูกันดีกว่า”

อารยาสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เธอเดาว่าเขาคงรู้อยู่แล้วว่าเธอจะคุยเรื่องนั้น

“คำสั่งด่วนที่ผอ. บอกอ้อนเมื่อวันก่อนน่ะค่ะ อ้อนตกลงนะคะ อ้อนไม่รอแล้ว”

หัวใจของผู้อำนวยการหนุ่มหล่นวูบ เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าหญิงสาวเขียนย้าย นั่นเป็นเพราะเรื่องที่ปราปต์ทำกับเธอตอนงานเปิดฟาร์ม แต่เธอขอร้องไม่ให้เขาบอกใครจนกว่าคำสั่งจะได้รับการอนุมัติ

ทว่าเมื่อสองวันก่อนครูอีกโรงเรียนหนึ่งเกิดเป็นลมแล้วเสียชีวิตกะทันหันทำให้ตำแหน่งว่างต้องการบุคลากรไปรับตำแหน่งอย่างเร่งด่วน เขาเลยตัดสินใจบอกอารยาไปแม้จะแอบลุ้นให้เธอไม่สนใจ แต่ใจหนึ่งก็สงสารที่ต้องเห็นเธอเจ็บช้ำเพราะไอ้หน้าโง่นั่นคอยมาทำให้เสียใจด้วยการหวานใส่แฟนต่อหน้าอารยาบ่อย ๆ

เขารู้ว่าการตัดใจจากใครสักคนจะง่ายขึ้นหากไม่ต้องทนเห็นหน้ากัน

แต่สำหรับเขานั้น...การได้อยู่ใกล้อารยาถือเป็นที่สุดแห่งความปรารถนาแล้ว

“ครูพร้อมเมื่อไหร่ครับ”

“เร็วที่สุดค่ะ”

ตอบโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเพราะคิดไตร่ตรองมาอย่าง

ดีแล้ว

“ผมจะให้พนาเดินเรื่องให้นะครับ ครูเตรียมเก็บกระเป๋าเลยก็ดีเพราะคาดว่าไม่เกินเย็นพรุ่งนี้คงรู้ผล ครูจะเดินทางทันทีเลยก็ได้” เขาก็ใจหายเหมือนกันที่จะต้องจากกันเร็วแบบนี้

แต่ทำไงได้...อารยาต้องเยียวยาหัวใจ

“ขอบคุณจริง ๆ นะคะ อ้อนจะไม่ลืมบุญคุณผอ. เลยค่ะ”

คราวนี้อารยาน้ำตาไหลเพราะดีใจ เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอยิ้มได้อย่างเต็มที่ ต่อไปนี้เธอคงจะตัดใจจากปราปต์ได้เสียที

“ผมขอกอดครูได้ไหม”

ขอแค่ได้กอดเธอเขาก็พอใจแล้วไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ อารยาอ้าแขนให้เขาอย่างยินดี ชายหนุ่มโผเข้ากอดเธอทันทีไม่ลังเล

“ผมรักครูนะ วันไหนถ้าครูลืมเขาได้ครูบอกผม...ผมจะเป็นผู้ชายคนนั้นให้ครูเอง”

“ผอ. จะเป็นผู้ชายคนแรกที่อ้อนนึกถึง”

หากเธอลืมปราปต์ได้แล้วจริง ๆ คนแรกที่เธอจะเปิดใจให้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้อำนวยการอนิรุจ

ขณะขับรถกลับบ้านก็มีเหตุให้อารยาต้องตระหนกเมื่อ

จู่ ๆ รถของใครไม่รู้ขับตีคู่ขึ้นมาแล้วปาดหน้าจนต้องหักหลบเข้าข้างทาง หากเหยียบเบรกไม่ทันคงชนต้นไม้ไปแล้ว ตอนนั้นอารยาลุ้นระทึกเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับตัวเอง หญิงสาวพยายามถอยรถเพื่อจะได้ไปจากตรงนี้ แต่มันดันติดร่องถนนจนเอาขึ้นยาก

ตอนนั้นเธอก็เพิ่งเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถคือปราปต์นั่นเอง

“เปิด !”

คนตัวใหญ่ตรงเข้ามาเคาะกระจก อารยาโล่งใจนิดหน่อยที่ไม่ใช่คนร้าย แต่แอบหวั่นใจว่าปราปต์ต้องการอะไรจากเธอ

หากเพราะคิดว่าเขาจะไม่ทำร้ายนั่นแหละเธอจึงยอมเปิดประตูหมายจะลงไป แต่ปราปต์กลับเบียดเข้ามาจนเธอไปนั่งเบาะข้างคนขับส่วนเขาก็นั่งอยู่หลังพวงมาลัย

“นี่ปราปต์เป็นบ้าอะไรน่ะหือ ? ลงไปจากรถอ้อนเดี๋ยวนี้”

ทั้งผลักทั้งตีแต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขารวบมือทั้งสองของอารยาเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะใช้ทักษะถอยรถออกจากตรงนั้นได้อย่างสวยงาม

“จะพาอ้อนไปไหน”

เสียงของอารยาสั่นเครือเพราะทั้งกลัวและตกใจ ปราปต์จะพาเธอไปไหนเขาก็ไม่บอก ใบหน้าของเขาเมื่อมองจากซีกข้างนั้นดูดุดันเหลือเกิน เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าปราปต์จะไม่ทำร้ายตนจริง ๆ เขาเริ่มน่ากลัวมากขึ้นทุกวัน

“อ้อนกลัวนะ...”

จะร้องไห้แหล่ไม่แหล่ ทำไมวันนี้เธอต้องมาเจอเรื่องหนัก ๆ พร้อมกันด้วยนะ

“กลัวผัวแต่ไม่กลัวไอ้ผอ. นั่นปล้ำเอาสินะ ถึงได้ยอมให้มันกอดซะขนาดนั้น”

เขาหันมาตะคอกเสียงดัง หมายความว่าเขาเห็นเธอคุยกับผอ. ที่โรงรถสินะ

อารยาไม่เถียงเพราะปราปต์พูดเรื่องจริงทั้งหมด เธอเต็มใจให้อนิรุจกอดและไม่เคยคิดว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายเพราะเขาไม่เหมือนปราปต์ที่จะมือไวเป็นปลาหมึก

อีกทั้งจะไม่อธิบายอะไรมากกว่านี้ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่คุยกันจนต้องกอดกันแบบนั้น

เธอต้องการไปเงียบ ๆ โดยไม่มีใครรู้ เพราะหลายคนต้องพยายามพูดให้เปลี่ยนใจแน่ ๆ

ปลายทางของปราปต์คือฟาร์มศุภโชค ชายหนุ่ม

ฉุดกระชากลากถูอารยาลงมาจากรถท่ามกลางความแปลกใจของนายปองซึ่งวันนี้มาเฝ้าบ้านรอเจ้านายกลับ อารยาไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร ปราปต์อาจจะฆ่าเธอหมกฟาร์มก็ได้

“ปราปต์อย่าทำอะไรอ้อนเลยนะ อ้อนกลัวแล้ว”

ครั้งนี้หญิงสาวปล่อยเสียงร้องไห้โฮอย่างคนเสียขวัญขณะที่ปราปต์พยายามลากเธอขึ้นไปชั้นบน คนตัวบางพยายามขืนตัวไว้แต่คิดว่าคงได้อีกไม่นาน

“ค่อยๆ พูดค่อย ๆ จาเถอะครับคุณปราปต์ ครูอ้อนกลัวจนตัวสั่นแล้ว”

จริงอย่างที่นายปองพูด ตอนนี้เขาทำให้อารยากลัว...ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะแบบนี้สินะหญิงสาวเลยสนิทใจให้

คนอื่นกอดมากกว่าที่จะยินดีเวลาอยู่กับเขา

“แกกลับไปนอนได้แล้วไอ้ปอง”

“แต่ว่า-”

“ไปเหอะน่า ฉันไม่ฆ่าเมียตัวเองหรอก”

ปราปต์พูดด้วยท่าทีที่อ่อนลง นายปองถึงได้ยอมกลับที่พัก แม้เจ้านายจะใจร้อนไปนิดแต่ก็ไว้ใจได้ว่าจะไม่ทำอะไรร้ายแรง

“พาอ้อนกลับบ้านเถอะนะ นะปราปต์”

เมื่ออยู่ตามลำพังอารยาจึงคุยกับเขาดี ๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคำร้องขอของเธอเลย

“กอดฉันสิ”

“อะไรนะ”

“กอดฉันแบบที่เธอกอดมัน” เขาทำตัวเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจไม่มีผิด

“โรคจิตหรือไง” อารยาส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“โรคจิตห่าเหวอะไรล่ะวะ เธอคิดว่าใครจะทนได้ที่เห็นเมียตัวเองยืนกอดผู้ชายคนอื่นแต่กับผัวเนี่ยทำเป็นรังเกียจรังงอน”

ปราปต์โพล่งขึ้นอย่างหมดความอดทน เขายอมรับว่าต้องการเลิกยุ่งกับอารยาอย่างถาวรเลยตีตัวออกห่าง ทำเป็นไม่สนใจ

แต่ภาพที่เห็นเธอกอดกับใครที่โรงรถของโรงเรียนทำให้ความตั้งใจของเขาล้มเหลว

“ทีปราปต์ ปราปต์ออเซาะกับงามอ้อนยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย อย่าลืมนะว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ปราปต์ไม่มีสิทธิ์ทำกับอ้อนแบบนี้” พูดออกมาอย่างเหลืออดเผื่อเขาจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง

“ก็ฉันเป็นแฟนงาม แต่เธอกับไอ้นั่นมันไม่ได้เป็น

อะไรกัน”

“เห็นแก่ตัว !”

เธออยากตบปากเขาสักทีแต่ล่าสุดที่ตบหน้าเขาเธอจบไม่สวยสักเท่าไหร่เลยต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้

ด้านปราปต์สะอึกไปชั่วครู่

แต่คิดดูดี ๆ ที่เขาพูดมามันจริงนี่นา อารยาเป็นผู้หญิงของเขา ฟ้างามเป็นแฟนของเขา ส่วนไอ้ผอ. นั่นมันเป็นใครถึงได้กล้ามายืนกอดอารยาแบบนั้น

“เห็นแก่ตัวแล้วไง แล้วฉันก็พูดถูกหรือเปล่า”

คำพูดแบบนี้แสดงว่าปราปต์ไม่ได้เข้าใจอะไรมากขึ้นเลย เขายังเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล และคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองโดยไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นเหมือนเดิม

“เหอะ ! ใครบอกว่าอ้อนกับผอ. เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

ปราปต์ชาวาบไปทั้งตัวและหัวใจ อารยาพูดแบบนี้หมายความอย่างไร เธอกับไอ้นั่น...เป็นอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานแล้วอย่างนั้นหรือ

“เราสองคนเพิ่งตกลงคบกัน”

“อารยา !” ปราปต์กำหมัดแน่นอย่างคั่งแค้นเหลือแสน

“สถานะของเราชัดเจนขนาดนี้ปราปต์ก็เลิกยุ่งกับอ้อนเสียที !”

เจ้าหล่อนลอยหน้าลอยตาพูดออกมาอย่างไม่อินังขังขอบ คนที่มีสิทธิ์ในตัวเธออย่างเต็มเปี่ยมคือเขาแต่เธอกลับไปตกลงเป็นแฟนกับนายนั่นอย่างนั้นหรือ

ปราปต์ลุแก่โทสะกระชากร่างบอบบางเข้ามาปล้ำจูบ เขากักขฬะ เร่าร้อนและร้อนแรงจนหญิงสาวต้านทานไม่ไหว

ชุดสวยถูกฉีกออกจากร่างงามโดยแรง ก่อนจะครอบครองอารยาเหมือนครั้งสุดท้ายที่จากกันทั้งร่างกายและหัวใจแหลกสลายเพราะถูกปราปต์ทำลายอย่างไร้ความปรานี

แต่น่าแปลกเหลือเกินที่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกดีเพราะการกระทำของเขา

ตรงข้ามกับหัวใจที่มันแสนเจ็บปวดและชอกช้ำ...

ร่างเปลือยเปล่าของอารยาถูกกดลงกับเตียง ปราปต์

ตรึงแขนทั้ง สองข้างออกไว้กับที่นอนแล้วเขาก็คร่อมตัวพร้อมกับการสอดใส่อย่างล้ำลึก

แบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนแรกที่ชั้นล่าง จากนั้นเขาก็ทำที่บันได ดีหน่อยก็เปลี่ยนมาทำหน้าประตูห้อง ตอนนี้เขาก็ทำมันที่เตียงอีก

อารยาทั้งเหนื่อยทั้งเสียใจ เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบสนองเขาอีกแล้วเลยได้แต่นอนนิ่ง ๆ ปล่อยให้ปราปต์ขับเคลื่อนลูกสูบกำลังสูงอยู่ในกาย แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรง

“พอเถอะปราปต์ อ้อนเหนื่อยแล้ว”

“เหนื่อยนั่นแหละดี ฉันต้องการให้เธอรู้ซึ้งถึงบทเรียนที่เธอไปยุ่งกับ

คนอื่น”

“อ๊ะ !”

เพราะเขาดันเข้ามาลึกสุดทางกอปรกับแรงมหาศาลที่บ่งบอกว่ากำลังทำโทษเธออยู่ทำให้อารยาจุกจนตัวบิด น้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะยึดเอวบางแล้วโถมเข้ามาอีกระลอกจนระเบิดโพลงอย่างสุขสม มือบางรีบผลักเขาออกแล้วพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้ทันที

“นอนเถอะ คืนนี้ฉันไม่ปล่อยเธอกลับบ้านหรอก”

ปราปต์สอดแขนช้อนร่างบางเข้ามากอดกระชับ จูบหัวไหล่มนอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ แต่อารยาทั้งน้อยใจและเสียใจ อดพูดออกมาไม่ได้ว่า

“ขนาดปราปต์ไม่ได้รักไม่ได้คิดอะไร แค่อ้อนไปยุ่งกับคนอื่นยังโมโหขนาดนี้เลย แต่อ้อนสิ...ปราปต์ก็รู้ว่าคิดยังไง อ้อนจะรู้สึกยังไงเวลาที่ต้องทนเห็นปราปต์อยู่กับงาม”

ปราปต์ไม่ได้พูดอะไรต่อเขากอดเธออยู่อย่างนั้น ขณะที่หัวใจบีบรัดรุนแรง เพราะความเห็นแก่ตัวทำให้เขาทำร้ายเธอมากขนาดนี้เชียวหรือ ตอนนี้เขาไม่อยากทำแบบนี้แล้ว

แต่จะทำอย่างไรดี เขาอยากเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์กับแฟนแต่นั่นหมายถึงเขาต้องปล่อยอารยาไปให้ได้ แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน

เวลาที่ปราปต์หลับสนิทเป็นโอกาสทองของอารยา หญิงสาวหยิบเสื้อยืดของเขามาใส่ ก่อนจะกลับบ้าน แล้วรีบเก็บเสื้อผ้าทันทีไม่รอช้า เธอต้องใช้กระเป๋าหลายใบเพราะคิดว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว...

“ลาก่อนนะปราปต์ อ้อนจะตัดใจจากปราปต์ให้ได้”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป